บทความนี้เขียนมานานแล้ว แต่เพิ่งจะย้ายจากบล๊อกเก่ามาใส่ที่นี่เท่านั้นเอง
เมื่อปลายปีที่แล้ว (2013) บริษัทพาไปเที่ยว ฮ่องกง มา (แต่กว่าจะเขียนบล๊อกก็ปาเข้าไปครึ่งปีซะแล้ว) เลยจะบันทึกอะไรไว้นิดหน่อยว่าไปเจออะไรมาบ้าง
ฮ่องกงเป็นส่วนหนึ่งของแผนดินจีน อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ ถือเป็นเขตปกครองพิเศษที่อังกฤษเช่าไปตั้ง100ปีกว่าจะได้คืนมา
ภาษาจีนเรียกว่า 香港 อ่านว่า "เซียงกั่ง" แปลว่าท่าเรือหอม เพราะสมัยก่อนมีการนำเรือบรรทุกเครื่องหอมมาเทียบท่าที่นี่เยอะ
พื้นที่ หลักๆ ประกอบด้วยเกาะหลัก 3 เกาะ นั่นคือ เกาะฮ่องกง เกาะลันเตา และเกาะเกาลูน (ไม่รู้ว่าเรียกว่าเกาะได้มั้ย เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของ New Territory ที่เชื่อมกันแผนดินใหญ่ แค่คุณไกด์เขาเรียกอย่างนี้ก็เอาตามนั้นละกัน ฮา)
สภาพ อากาศที่ฮ่องกงจัดว่าเย็นใช้ได้ (กำลังดีสำหรับผู้เขียน) ช่วงที่เราไปคือปลายปีเดือนธันวา อุณหภูมิอยู่ราวๆ 10องศา ใครขี้หนาวก็เตรียมเสื้อหนาวไปเยอะหน่อยละกัน ส่วนเรื่องฝนตกนั้นตอนเราไปไม่เจอเลย
เรื่องอาหารการกิน เนื่องจากที่บ้านทำรสอาหารจีนอยู่แล้วเลยไม่ค่อยมีปัญหา ถ้าถามว่าไปกินอาหารจีนถึงต้นตำรับแล้วเป็นไง ก็ตอบเลยว่าเฉยๆ ไม่ได้มีอะไรพิเศษ
ส่วนภาษา ที่นี่ใช้ ภาษาจีนสำเนียงกวางตุ้ง (แต่คนที่นั่นพูดจีนกลางได้เหมือนกัน คนเขียนไปแล้วพอมั่วๆ ได้เป็นบางคำ) อย่าง "เช่อะส่วอ ไจ้ หน่า - ห้องน้ำไปทางไหน" อันนี้เขาก็ฟังออก ^__^
เรื่องที่ประทับใจในฮ่องกง
- อาหารสายการบินฮ่องกงอร่อยดี
- อากาศเย็นสบายกำลังดี แต่ตอนดึกๆ จะหนาวหน่อย
- ชื่อถนนออกเสียงยาก มันเป็นภาษาจีนกวางตุ้ง
- อาหารเค็มไปหน่อย แต่โดยรวมก็ถือว่าอร่อย คล้ายๆ ที่บ้านทำแต่เหมือนคนครัวที่นี่จะมือหนักกว่า
- พูดจีนกลางเขาก็พอฟังออก
- บริกรเสิร์ฟอาหารวางจานแรงมาก บางครั้งโดนให้เลย (ถามไกด์บอกเรื่องปกติของที่นี่)
- คำว่า "อึ่มก๊อย" แปลเหมือน "ตุ้ยปู้ฉี" แปลว่าขอโทษใช้บ่อยมาก
- คนที่นี่สูบบุหรี่เยอะ ไม่ดีเท่าไหร่
- ข้ามถนนต้องกดสัญญาณแล้วรอก่อน อย่าข้ามโดยเห็นว่าว่างแล้ววิ่งไปเพราะที่นี่รถไม่หลบคน
- ขอก็ไม่ได้ถูกนะ แต่สำหรับขาช้อปน่าจะมีของให้เลือกเยอะ
- ห้องน้ำติดแอร์
- คนเยอะ คนเต็มไปหมด คนดูเร่งรีบ
- 7-11 ไม่มีประตู เปิดรับลมธรรมชาติ
- ส่วนใหญ่ที่ไปค่อยข้าง "เก่า" และมีก่อสร้างเยอะ
- เกาะมันเล็ก ผ่านถนนเส้นเดิมๆ บ่อยมากจนจำได้
- ไม่มีร้านขายของกินข้างถนน
รูปที่ถ่ายมาทั้งหมด ถ่ายด้วย มือถือเครื่องเก่ง htc one X นะจ๊ะ (ตอนนี้พังไปแล้ว T__T )
#วันแรก
สายการบินไปฮ่องกงออกค่อนข้างเช้า 8โมงก็ต้องเตรียมขึ้นเครื่องแล้ว
ใช้เวลาบินประมาณ 3 ชั่วโมงก็ถึง เวลาที่ฮ่องกงเร็วกว่าเรา 1 ชั่วโมงทำให้ไม่ต้องปรับเวลาอะไรมากนัก
ภาพแรกที่เห็นตั้งแต่ในเครื่องบินแล้วคือท่าเรือและเรือสินค้าเยอะมาก แล้วก็ลงจอดที่ สนามบินเช็คแลปก๊อก
ของฮ่องกงจะเป็นท่าเรือน้ำลึกซะเป็นส่วนใหญ่ให้เรือขนสินค้าเข้าเทียบได้ ... ถ้าเป็นของไทยจะต้องเอาของใส่เรือโป๊ะแล้วลากออกไปขึ้นเรือนอกฝั่งเป็นส่วนใหญ่
ส่วนที่พักอาศัยเห็นแต่คอนโดและตึกสูงๆ เพราะฮ่องกงที่น้อย ใครจะปลูกบ้านพร้อมที่ดินต้องรวย |
มุ่งสู่เขต Tsim Sha Tsui |
7-11 ที่นี่เขาไม่มีประตูร้านนะ ใช้แอร์ธรรมชาติ (ฮา) |
ตากผ้ากันโหดมาก ยื่นออกมาเหนือถนนเลย |
มาเดินเล่นดูเมือง มีร้านแกงกะกรี่ Co Co ด้วยนะ |
ส่วน ใหญ่วันแรกไม่ได้ทำไรเท่าไหร่เลย โดนปล่อยกลางเมืองแล้วให้เดินเล่นเอง ขาช้อปน่าจะชอบเพราะมีห้าง+ของขายเต็ม ส่วนขาเที่ยวถ่ายรูป+หาของกินแบบกลุ่มเราไม่ค่อยได้อะไรเท่าไหร่
เออ ร้านอาหารที่ฮ่องกงไม่มีแบบริมถนนเหมือนเมืองไทยนะ ถ้าจะกินต้องเข้าไปในร้านเป็นเรื่องเป็นราวมาก ไม่มีของกินเล่นเท่าไหร่ (หรือมีแต่หาไม่เจอหว่า?)
จากนั้นตบท้ายวันด้วยการไปดู
A Symphony of Lights
ซึ่งเขาบอกว่าเป็นการแสดงแสงสีแบบนี้
คือยิงแสงวิ้งๆ วับๆ ออกมาจากตึกนั่นแหละ |
ความ รู้สึกส่วนตัวคือ...มันไม่มีอะไรเลย ถามว่าสวยมั้ย ก็สวยอยู่นะ แต่แค่แวบแรกเท่านั้น รูปนี้ไม่ได้ถ่ายเองนะ แต่ถ่ายเองแล้วมันไม่เห็นอะไรเลยล่ะ -*- )
#วันที่สอง
วันนี้เรียกได้ว่าไปทัวร์วัด! ใครไม่ชอบไปกับทัวร์ (ทัวร์ชะโงก ไปที่ละนิดๆ หน่อยๆ) อาจจะไม่ชอบ แต่เราชอบการเที่ยวแบบนี้มา
วัดเชอกงหมิว
หรืออ่านว่าแชกงกันนะ? จำไม่ได้แล้ว แต่ตัวจีนที่เขียนอ่านว่าเชอกง
ไหว้สักการะข้างหน้าเลย ก่อนจะเข้าไปข้างใน
ข้าง ในจะมีกังหัน+กลอง ให้หมุนกังหัน 3 รอบและตีกลองตามความเชื่อที่ว่ามันจะขับไล่สิ่งชั่วร้ายออกไปได้ วันนั้นคนไม่เยอะ เลยไม่ต้องแย่งกับคนท้องที่
จุดชมวิว Victoria Point
แต่ไม่ได้ขึ้นไปถึงจุดชมวิวจริงๆ เพราะเสียเงิน -_-
เลยเห็นเคยนี้แหละ แต่บอกเลยว่าสูงมาก ภูมิประเทศของฮ่องกงเป็นภูเขาซะเยอะ ทางขึ้นไปนี่คดเคี้ยวเอาเรื่องเหมือนกัน
วัดเจ้าแม่กวนอิม
ตอนที่ไปตัววัดกำลังก่อสร้างอยู่ เลยไม่เห็นทั้งหมด
วัดนี้อยู่ริมทะเล เลยมีส่วนที่ติดกับชาดหาดด้วย หาดสวยใช้ได้ แต่ไม่ค่อยมีคนมาเล่นน้ำหรอกนะ สงสัยหนาวไปละมั้ง
เขาว่ากันว่าให้ลูบหินก้อนนี้แล้วจะ .... (ลืมไปแล้วล่ะ) |
เก๋งริมทะเล |
ทะเล เห็นเกาะลบันเตาด้วยนะ ไกลๆ โน่นเลย |
สะพานนี่เขาบอกว่าให้เดินข้ามแล้วจะอายุยืน แต่ห้ามเดินย้อนกลับมานะ เดี๋ยวโดนลดอายุ |
นั่งกระเช้า Ngong Ping 360
"ให้ ตายสิ มันสูงมากเลยนะ" นั่นเป็นความคิดแรกเมื่อรู้ว่าตัวเองจะต้องนั่งเจ้ากระเช้านี่เพื่อขึ้นไป ที่องค์พระใหญ่แห่งเกาะลันเตา และเมื่อมานั่งจริงๆ มันก็... (บอกไว้ก่อนว่าผู้เขียนกลัวความสูง ชนิดที่ว่าเล่นรถไฟเหาะได้ เอ๊ะ ยังไง?)
"มันสูงมาก สูงไปแล้วเว้ย เมื่อไหร่จะถึงเนี่ย ห๊ะ นี่เพิ่งเสาต้นแรก ต้องนั่งอีก25นาที? เอาฉันลงเถอะ!!"
นั่นแหละ ตามนั้น
ถามว่ากลัวมั้ย ... กลัวสิ แต่อยากขึ้นไปถ่ายรูปองค์พระใหญ่ ต้องขึ้น
ทางขึ้นกระเช้า เริ่มทำใจ |
เริ่มสูงและ |
พื้นกระจกใจด้วย |
สูงงง~ |
สูงมากกก~ |
สูงอีกกกกกก~จะเป็นลม |
จะถึงยอดแล้ว เอ้า เฮ~ อะไรนะ ต้องผ่านไปอีก6เสา O_O |
เพิ่มรู้ว่าถ้าไม่นั่งกระเช้านี่ ต้องเดินขึ้นมาประมาณครึ่งวัน |
มาถึงแล้ว สบายใจ (อย่าลืมว่าขากลับต้องนั่งแบบเดิมลงไปอีก) |
อุตส่าห์ฝ่าฟันนั่งกระเช้าขึ้นมาถึงนี่ (ช่างยากลำบากนัก) ต้องชักภาพให้คุ้ม! แสงกำลังดี ประมาณ4โมง
ตอนนี้อยู่ข้างล่าง ต้องเดินขึ้นบันไดไปอีกที
ผ่านซุ้มประตูใหญ่ก่อน |
ข้างล่างมีอะไรให้ถ่ายรูปเยอะเลย |
เกือบถึงแล้ว (เหรอ) |
เอ้า เดินๆ แฮ่กๆ |
ถึงแล้ว องใหญ่จริงอะไรจริง |
สูงอีกแล้ว แต่เป็นทางลาด เลยไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่ |
องค์พระแบบถ่ายทุกด้าน 360 องศา ปรับแสงไม่ทัน สีเลยออกมาไม่เหมือนกันสักรูปเลย (ฮา)
รูปปั้นและวิวรอบๆ ก็สวยอยู่นะ แต่ต้องเลือกมุมดีๆ เพราะส่วนใหญ่จะติดโน่นติดนี่เช่นพวกอาคารหรือธงและนั่งร้านไม้ไผ่ -__-
วัดแสงที่ดวงอาทิตย์ ได้ภาพมืดๆ |
วัดแสงที่ด้านหน้าจะได้ภาพสว่าง |
กลับและ ขึ้นมาแป๊ปเดียวเอง แต่มันจะมืดแล้ว ลงทางเดิมนะ นั่งกระเช้าอีกแล้ว >__<
#วันที่สาม
ถูกปล่อยเกาะ วันนี้ไปไหนกันดีนะ
เนื่องจากถูกทัวร์ปล่อย เลยต้องหาอะไรทำใน 1 วัน ในกลุ่มเลยตกลงกันว่าจะไปเล่นสวนสนุก โอเชียน ปาร์ค กัน ประมาณดรีมเวิร์ดบ้านเราแต่ที่นี่นอกจากเครื่องเล่นแล้วก็มีส่วนสวนสัตว์ด้วย
ออกเดินทาง |
เนื่อง จากต้องไปเอง ไม่มีรถทัวร์ให้นั่งสบายใจเฉิ่มแล้ว บอกเลยว่าคนเขียนไม่ชอบเที่ยวแบ๊กแพ๊ก แบบวางแผนเองเที่ยวเองไม่มีคนมาคอยจัดการให้ ชอบแบบเที่ยวชะโงกนั่งรถทัวร์เลย
ก็เลยหาเรื่องถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ไหนๆ กำลังจะวางแผนซื้อกล้องแล้ว ฝึกหามุมไว้ก่อนดีกว่า เอาระหว่างทางเนี่ยแหละ
ส่วน เรื่องการเดินทาง พวกเราวางแผนโดยจะไปแบบข้ามเรือเพอร์รี่แล้วต่อรถใต้ดินเพราะจะได้เดินดู เมืองด้วย ไปถึงโอเชียน ปาร์คก็ยังไม่เปิดอยู่ดี
ซื้อตั๋วเสร็จยังเหลือเวลาอีกเยอะ เลยจะเดินผ่านสวนข้ามโรงแรมไปยังท่าเรือข้ามฟาก
สวนเกาลูนปาร์ค
ตัว หนังสือจีนอ่านว่า "จิ่วหลงกงหยวน" ตามสำเนียงจีนกลาง แปลว่าสวนมังกรเก้าตัว ซึ่งมังกรเก้าตัวก็เป็นความหมายของคำว่า เกาลูน ชื่อเกาะนี่ล่ะ
เห็นโรงแรมที่พักด้วยนะ |
ไม่มีอะไรมาก ก็เดินชมนกชมไม้ไปเรื่อยๆ ถ่ายรูปไปพลาง และวันนี้...ร้อน +_+
เอา ล่ะ หลุดจากสวนแล้ว ออกมาสู่สภาพตัวเมืองอีกครา แต่กลิ่นแรกที่ได้คือกลิ่นบุหรี่ซะที่ เมืองนี่เขาสูบได้สูบดี สูบกันกระทับตรงหน้าป้ายห้ามสูบบุหรี่
สวนอยู่ในเมือง เมืองอยู่ในสวน |
ต้องกดเจ้านี่ก่อนแล้วรอสัญญาณไฟนะ อย่าเพิ่งข้ามแม้รถจะว่างก็ตาม |
เอ๊ะ มี YMCA ด้วย |
คุณวนิพกนั่งเล่นเพลง |
หอนาฬิกาเล็กๆ |
ถึงท่าเรือแล้ว |
อากาศตอนเรือข้ามอ่าวค่อนข้างเย็น แต่ไม่ค่อยได้กลิ่นน้ำทะเลเลย |
Eco กันมาก แบบนี้ชอบๆ |
แอปเปิ้ลสโตร์ แต่เราไม่ใช่สาวกแอปเปิ้ลซะนี่ (เป็นสาวก ThinkPad นะ) |
ลงมาใต้ดินแล้ว ที่นี่ซับซ้อนกว่าใต้ดินเมืองไทยนิดหน่อย แต่ตั้งสติไว้ก็ไม่หลงหรอก ไม่เท่าสภาพสถานนีรถไฟที่ญี่ปุ่น |
ดูง่ายๆ มีไม่กี่เส้น (ถ้าอ่านออกนะ ฮา) |
ถึงโอเชียนปาร์คแล้ว |
มีนั่งกระเช้าอีกล่ะ ต้องนั่งข้ามภูเขาไปอีกฝั่งเพราะเครื่องเล่นอยู่ฝั่งโน้น แต่ผ่าน Ngong Ping มาแล้ว แค่นี้จิ๊บๆ (เหรอ) |
ไม่สูงมาก... |
ไม่สูงมาก...นะ |
ทำไมกระเช้าหยุดตรงนี้ล่ะ ยังไม่ถึงนะเฮ้ย!! |
หลัง จากนั้นก็เอาแต่เล่นจนไม่ได้ถ่ายรูปเลย นอกจากเจ้านี่ เป็นเครื่องเหวี่ยงหมุนๆ ขึ้นไป เห็นวิวข้างบนสวยดีนะ แต่เป็นภาพกลับหัว ฮาๆ
จะกลับแล้ว แต่ยังเหลือเวลา แวะกินอาหารอีกซักหน่อย
ร้านนี้มีหนังสือแนะนำร้านอาหารภาษาไทยวางอยู่ด้านนะ |
แล้วก็ถึงเวลารวมตัว บินกลับไทย ... บาย ฮ่องกง