บทความนี้เป็นบทความย่อยของทริปเที่ยวโตเกียวและภูมิภาคคันโต (กำลังเขียนอยู่นะ) แต่เนื่องจากเป้าหมายหลักของทริปนี้คือมาถ่ายรูปฟูจิซัน เลยขอแยกออกมาเป็นอีกบทความเลยเพราะมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการไปถ่ายรูปฟูจิซันล้วนๆ ไม่เกี่ยวกับเที่ยวที่อื่นเลย
และไหนๆ เราก็เคยเขียนบทความชุดมือใหม่หัดถ่ายรูปเอาไว้ ก็ขอยกเคสนี้เป็นกรณีศึกษาไปเลยละกัน
Mt.Fuji ฟูจิซัน
ภูเขาฟูจิเป็นภูเขาที่สูง 3,776 เมตร ซึ่งสูงที่สุดในญี่ปุ่น ถือว่ายังคงเป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ (หมายความว่ามันมีโอกาสที่จะระเบิดได้ตลอดเลย!) ในสมัยก่อนถือว่าเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ เกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณ และห้ามผู้หญิงขึ้น ในตอนนี้ภูเขาฟูจิเป็นสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อที่เป็นแลนมาร์คของญี่ปุ่นที่ทุกคนต้องรู้จัก สำหรับคนที่เห็นฟูจิเป็นครั้งแรกจะต้องประทับใจในความใหญ่โตของมัน และเพราะรอบๆ ภูเขาฟูจิไม่มีภูเขายอดสูงอีกเลย มันเลยทำให้ภูเขาฟูจิดูเด่นและอลังการมาก
เรื่องของเรื่องคือ ... เมื่อ 6 ปีก่อนเราเคยไปเที่ยวญี่ปุ่นมาครั้งนึงก่อนแล้ว แต่ในตอนนั้นยังไม่ได้เริ่มเล่นกล้อง ตอนนั้นก็ไปฟูจิซันมาเหมือนกันแต่รูปที่ถ่ายออกมาก็ถ่ายด้วยกล้องมือถือยุคปี 2012 (รู้สึกว่าตอนนั้นใช้ htc one X อยู่) คุณภาพของกล้องมือถือตอนนั้นมันไม่ดีอ่ะ (เรียกว่าห่วยเลยก็ได้) บวกกันฝีมือคนถ่ายที่ตอนนั้นยังไม่รู้ทฤษฎีการถ่ายภาพอะไรเลย รูปก็เลยออกมาแบบ ... เออ .. นั่นแหละ
ทริปนี้เลยเรียกได้ว่าเป็นทริปแก้มือ เราจะไปถ่ายรูปคุณฟูจิใหม่!
ปีนี้บริษัทพาไปเที่ยวญี่ปุ่นอีกครั้งแถมพักข้างทะเลสาบยามานากะซะด้วย เลยมีความคิดจะไปถ่ายรูปฟูจิใหม่ อันนี้เป็นรูปเปรียบเทียบรูปเมื่อปี 2012 และปี 2018 ที่เพิ่งจะไปมา
สำหรับนักถ่ายภาพสาย landscape มือใหม่
การถ่ายรูปแลนสเคปหรือทิวทัศน์จะต่างจากการถ่ายรูปคน portrait ตรงที่แบบของเรานั้นอยู่เฉยๆ ดังนั้นภาพที่ออกมาจึงขึ้นอยู่กับปัจจัยตามนี้
- ตำแหน่งที่อยู่ของคนถ่ายภาพ - เนื่องจากตัวแบบไม่สามารถขยับได้ ตากล้องเลยต้องเป็นคนขยับตัว วิวเดียวกัน ถ้าถ่ายจากคนละที่ ก็ได้ภาพออกมาคนละแบบกันแล้ว
- แสง / สภาพอากาศ - แสงส่งผลต่อการถ่ายภาพวิวมากๆ ถ้าแสงอยู่ในสภาพที่เหมาะสม ถ่ายออกมายังไงก็สวยได้ ส่วนสภาพอากาศหลักๆ ที่มีผลต่อการถ่ายรูปคือเมฆ ไม่ว่าจะเป็นเมฆธรรมดาหรือเมฆฝน ก็ทำให้สีของแสงเปลี่ยนไปได้แล้ว
- เวลา - ในแต่ละช่วงเวลาของวันจะมีสีของแสงหรือที่เรียกว่า White Balance จะต่างกันออกไป ตั้งแต่สีฟ้าครามตอนเช้าจนถึงสีเหลืองขาวตอนเที่ยง
- ดวง!
นอกจากปัจจัยที่ลิสต์มาด้านบน การถ่ายภาพ landscape เราจะได้เปรียบถ้าเราหาข้อมูลสถานที่เตรียมไว้ก่อน ดังนั้นมาเริ่มกับหัวขอแรก คือสถานที่
สถานที่
คราวนี้ไม่ได้ไปเอง แต่ไปเอ้าติ้งของบริษัทซึ่งเป็นทัวร์ 4 วัน ซึ่งมีวันนึงที่พักริมทะเลสาบยามานากะ (Yamanaka-ko) แต่ถ้าคุณจะไปเอง การไปฟูจิสามารถจัดเป็นทริป 1 วันจากโตเกียวได้
ทะเลสาบทั้ง 5
บริเวณด้านเหนือของฟูจิ (ด้านตรงข้ามกับฮาโกเนะทางด้านใต้ที่มีทะเลสาบอาชิอยู่) เป็นที่ตั้งของกลุ่มทะเลสาบที่เรียกว่า
"Fuji 5 Lakes"
หรือก็คือทะเลสาบทั้ง 5 รอบฟูจินั่นเอง ซึ่งประกอบไปด้วย คาวากุจิ (Kawaguchiko), ยามานากะ (Yamanakako), โมโตสุ (Motosuko), โชจิ (Shojiko), ไซ (Saiko) ทะเลสาบที่คนไทยน่าจะรู้จักมากที่สุดน่าจะเป็น คาวากุจิ ที่สามารถเห็นฟูจิได้สมมาตร (ซ้าย-ขวาเท่ากัน) ที่สุด
แต่ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดคือทะเลสาบยามานากะที่อยู่ทางตะวันออกของฟูจิ
และนอกจากนี้ ทะเลสาบยามานากะยังเป็นจุดเดียวที่สามารถเห็น "Beni-Fuji" หรือภูเขาไฟฟูจิในตอนเช้าที่โดนแสงอาทิตย์ส่องเป็นสีแดง ซึ่งเงื่อนไขค่อนข้างเยอะ
- จะต้องเป็นทะเลสาบที่อยู่ทางตะวันออกของฟูจิ (เพราะจะได้มุมพระอาทิตย์ขึ้นทางด้านนี้พอดี)
- ต้องเป็นฤดูหนาว เพราะฟูจิจะได้มีหิมะปกคลุมยอดเขา
แสง / สถาพอากาศ / เวลา
เนื่องจากต้องการถ่ายภาพฟูจิสีแดงในตอนเช้า ดังนั้นเราต้องรู้ว่าพระอาทิตย์ขึ้นกี่โมง?
แน่นอนว่าในยุคนี้จะตรวจหาเวลาพระอาทิตย์ขึ้นทำได้ง่ายมาก โดยการโหลดแอพใน play store มาดู ในกรณีนี้เราโหลดแอพเล็กๆ ชื่อ Golden Hour มา มันจะแสดงเวลาและลักษณะของแสงในแต่ละวันให้ดู
ในเคสนี้เราต้องการแสงแบบ Civil Twilight (สีฟ้าครามสลัวก่อนพระอาทิตย์ขึ้น) และ Golden Hour (ช่วงเวลาพระอาทิตย์ขึ้นเป็นสีส้มแดง) ซึ่งช่วงเวลานี้จะสั้นมากๆ จะต้องออกไปเตรียมตัวก่อน ไม่งั้นถ่ายไม่ทันแน่นอน (เป็นช่วงเวลาที่แสงเปลี่ยนเร็วที่สุดของวัน แค่ 15 นาที แสงก็เปลี่ยนสีแล้ว)
แอพอีกประเภทที่ช่วยได้คือแอพแสดงตำแหน่งดวงอาทิตย์ในหนึ่งวัน อันนี้เอาไว้หาจุดที่เราจะไปยืนถ่ายรูปได้ แล้วเมื่อหาได้ทั้งหมด การใช้ Google Street View ลงไปดูมุมมองแบบคร่าวๆ ก่อนก็เป็นเรื่องดี
การตั้งค่ากล้อง
โดยทั่วไปการถ่ายภาพวิวต่างจากการถ่ายภาพคนที่มักจะตั้งค่ากล้องให้ F น้อยๆ (เช่น F1.8 f2.0) เพื่อให้ได้ภาพแบบหน้าชัดแต่ฉากหลังละลาย ภาพวิวส่วนใหญ่มักจะให้ภาพออกมาเป็น "ชัดทั้งภาพ" ดังนั้นเราจะต้องค่า F ให้มากขึ้นหน่อย คือประมาณ F3.5 - F4.0
ส่วนการตั้งค่า shutter speed นั้นขึ้นกับคุณภาพของแสงในตอนนั้น เช่นถ้าเราถ่ายภาพตอนเช้ามืด เนื่องจากแสงน้อย เราอาจจะต้องเปิดชัตเตอร์นานๆ เช่น 1 วินาที แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นกับว่าคุณมีขาตั้งกล้องหรือมีที่วางกล้องนะ
ส่วนเรื่องของการตั้งค่า ISO นั้นหลังจากตั้งค่า F และ Shutter Speed เสร็จแล้ว ถ้าภาพยังไม่สว่างพอ ให้เพิ่ม ISO ขึ้นเรื่อยๆ แต่แนะนำให้ใช้ ISO ให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อลด noise
ทะเลสาบยามานากะ
เราพักกันที่โรงแรม Sun Plaza Hotel ที่อยู่ด้านข้างทะเลสาบพอดี แต่ข้อเสียคือทิศที่มันอยู่ ถ้าอยากจะถ่ายรูปฟูจิชัดๆ จะติดตัวเมือง ดังนั้นเราต้องเดินต่อไปหน่อย ให้พื้นที่ด้านหน้าเป็นทะเลสาบแทน
ออกมาเตรียมตัวถ่ายฟูจิในตอนเช้าประมาณ 6.30 ซึ่งจะเป็นช่วงแสงแบบ Twilight คือฟ้าเป็นสีฟ้าคราม เนื่องจากเป็นช่วงฤดูหนาวและยังเช้าอยู่ทำให้อุณหภูมิลดต่ำถึง -10 °C ซึ่งหนาวมาก! แต่ข้อดีคือในฤดูหนาวนั้นส่วนใหญ่อากาศจะดี ฟ้าจะโปร่งมาก ไม่มีเมฆมาบังฟูจิเลย
ขณะกำลังรอพระอาทิตย์ขึ้น ก็ถ่ายรูปรอบๆ ทะเลสาบไปก่อน
ในทะเลสาบมีหงส์และเป็ดเยอะมาก การเดินจะต้องระวังนิดนึงเพราะหิมะเต็มพื้นไปหมด
แน่นอนว่าเป็นการรอพระอาทิตย์ขึ้นที่หนาวมาก แต่ก็ต้องรอต่อไป
และแล้ว ... พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว!
แล้วเราก็จะได้ภาพฟูจิสีแดงแบบนี้
โคลสอัพอีกภาพ
ส่วนอันสุดท้ายเป็นภาพทะเลสาบยามานากะตอนพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว
- - - - - จุดอื่นๆ ในทริปนี้ที่สามารถถ่ายรูปฟูจิได้ - - - - -
สนามบินฮาเนดะ
ใช่แล้ว! จุดแรกที่สามารถถ่ายรูปฟูจิได้คือตั้งแต่ลงเครื่องบินที่สนามบินฮาเนดะ แต่จะเห็นเป็นวิวไกลๆ และต้องพึ่งดวงให้ฟ้าเปิดซะ
และถ้าอยากได้รูปให้ได้ชัดๆ จะต้องพกเลนส์เทเลหรือเลนส์ซูมไกลไปด้วยนะ
หุบเขาโอวาคุดานิ
อีกหนึ่งในจุดท่องเที่ยวยอดนิยมของคนไทย คือหุบเขาต้มไข่ดำ โอวาคุดานิ
แต่มุมของฟูจิที่นี่ตามความคิดเราไม่ค่อยสวยเท่าไหร่เพราะเราไม่เห็นฟูจิชัดมากนักเพราะมีภูเขาอื่นบังอยู่
หมู่บ้านน้ำใส โอชิโนะ ฮัคไค
เป็นหมู่บ้านที่มีบ่อน้ำประมาณแปดบ่อซึ่งเคยเป็นน้ำแข็งที่ละลายจากฟูจิในสมัยก่อน เป็นอีกตำแหน่งที่เห็นฟูจิได้ค่อยข้างชัด แต่ถ้าอยากได้ภายฟูจิเดียวๆ โดยไม่มีบ้านหรือต้นไม้บังจะหามุมค่อนข้างยาก
เส้นทางหลวง Higashi Fuji Goko
หรือทางหลวงตะวันออก 5 ทะเลสาบฟูจิ จุดนี้เป็นจุดที่ไม่ได้คิดว่าจะได้ถ่ายรูป เป็นมุมฟูจิตรงนี้ก็ถือว่าสวยใช้ได้อยู่ เพราะข้างๆ ทางหลวงจะเป็นทุ่งหญ้ากว้างๆ ไม่มีอะไรบังให้เราเห็นฟูจิได้เต็มๆ ภาพนี้ถ่ายจากบนรถตอนที่รถกำลังแล่นอยู่เลย ข้อเสียคือข้างทางจะมีต้นไม้เยอะอยู่ ต้องเล็งจังหวะดีๆ ตอนไม่มีต้นไม้บังแล้วค่อยถ่าย
ห้างเบลซุปเปอร์มาร์เก็ต
นี่ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ไม่ได้คิดว่าจะได้ถ่ายรูปฟูจิคือห้างเบลซึ่งอยู่ใกล้ๆ ทะเลสาบคาวากูจิ พอดีทัวร์จอดรถให้ซื้อของ เลยได้รูปนี้มาด้วย
1 Response
[…] อ่านบทความแยกเดี่ยวๆ ของทะเลสาบยามานาก… […]